วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557

24  ธันวาคม 2556
วิชาการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษEAED2209
เวลา  11.30 - 14.00 น.
หมายเหตุ

                      ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากสอบกลางภาค และดิฉันได้หาเนื้อหาเพิ่มเติม
เรื่อง กิจกรรมบำบัดเด็กพิเศษ
           กิจกรรมบำบัดเป็นวิชาชีพหนึ่งที่ทางการแพทย์ ที่ใช้ให้บริการในด้านส่งเสริม ป้องกัน บำบัดรักษา และฟื้นฟูสภาพเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพกายและสภาพจิตของบุคคล โดยอาศัยองค์ความรู้พื้นฐานทางการแพทย์ ทฤษฎีพื้นฐาน ทางจิตวิทยาและองค์ความรู้ทางวิชาชีพกิจกรรมบำบัด โดยวิชาชีพจะมีการนำทฤษฎีมาใช้อ้างอิง เพื่อให้นักวิชาชีพสามารถวิเคราะห์หาปัจจัยต่อภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ โดยแยกพฤติกรรมหรือลักษณะของผู้ป่วยแต่ละหมวดหรือเป็นข้อ ๆ โดยนักกิจกรรมบำบัดจะเลือกกรองอ้างอิงที่เหมาะกับปัญหาของผู้ป่วยแต่ละราย
รูปแบบ/แนวทางการรักษาทางกิจกรรมบำบัด
          ในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติทางพัฒนาการ (Pervasive Developmental Disorder) นักกิจกรรมบำบัดใช้กรอบอ้างอิง sensory integration frame of reference เป็นแนวทางหลักในการให้การบำบัดรักษา นอกจากนี้ยังมีการนำกรอบอ้างอิงทางการรักษาอื่นมาเป็นแนวทางในการรักษาเพิ่มเติมตามปัญหาที่บุคคลนั้น ๆ ต้องได้รับการแก้ไข
           Sensory Integration เป็นทฤษฎีที่อธิบายถึงพฤติกรรมของมนุษย์อันเนื่องมาจาก การทำงานของระบบประสาท (neurobehavior theory) โดยกล่าวถึงหน้าที่ของสมองที่จะรับและจัดระเบียบสิ่งที่มากระตุ้นระบบประสาทสัมผัส (sensory stimuli) และตอบสนองต่อสิ่งนั้นได้อย่างเหมาะสมและเกิดการเรียนรู้ขึ้น
Dr. A. Jean Ayres นักกิจกรรมบำบัดและ จิตวิทยาการศึกษา ชาวอเมริกัน ได้พัฒนาทฤษฎีนี้ขึ้นในปี ค.ศ.1960 โดย Dr. A. Jean Ayres กล่าวว่าร้อยละ 80 ของการทำงานของระบบประสาทจะทำหน้าที่ในการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้เรามีการตอบสนองอย่างเหมาะสมและเป็นอัตโนมัติ
สมองจะมีหน้าที่ในการปรับสมดุลของการรับข้อมูลความรู้สึก ทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ไหลเข้ามาสู่สมองอย่างเป็นระเบียบ แต่ทุก ๆ นาทีจะมีข้อมูลการรับความรู้สึกไหลเข้าสู่สมองตลอดเวลา ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้มีมากเกินกว่าที่สมองรับและจัดการได้ทั้งหมด สมองจึงต้องมีการจัดการยับยั้งความรู้สึกที่ไม่จำเป็นเพราะถ้าไม่มีการยับยั้ง เราจะต้องให้ความสนใจทุกสิ่งเร้าที่เข้ามา และตอบสนองทุก ๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เช่น ขณะที่เราเรียนหนังสือในห้องเรียน เราสามารถสนใจอาจารย์ผู้สอนได้โดยไม่สนใจในเสียงของพัดลมเพดานหรือเสียงผู้คนเดินไปมานอกห้องเรียน นั่นแสดงให้เห็นว่าสมองของเราสามารถจัดการยับยั้งความรู้สึกที่ไม่จำเป็นได้ เป็นต้น
แต่บางครั้งเราให้ความสนใจต่อความรู้สึกบางอย่างตลอดเวลา เช่น การโยกเก้าอี้เป็นจังหวะหรือการเคาะตามจังหวะเพลง ซึ่งเป็นลักษณะของการกระตุ้นสมอง ที่ส่งเสริมการติดต่อระหว่างการรับความรู้สึกและปรับเปลี่ยนระดับของความตั้งใจ อารมณ์หรือการเคลื่อนไหวให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา
เมื่อการยับยั้งและการกระตุ้นมีความสมดุลกัน เราจะสามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ไปได้ เราสามารถปรับเปลี่ยนความตั้งใจ อารมณ์หรือการเคลื่อนไหวให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา
นี่คือสิ่งที่ Sensory Integration ส่งผลต่อการทำงาน เราสามารถจะอ่านหนังสือพิมพ์ เมื่อนั่งเก้าอี้ได้ โดยไม่สนใจพนักเก้าอี้ที่เรานั่งพิงอยู่ เนื่องจากความรู้สึกต่าง ๆ เหล่านั้น รบกวนเรามากไป สมองจึงยับยั้งไม่ให้เราตอบสนองต่อสิ่งเร้าทุกอย่าง

Sensory Integration (SI) คืออะไร


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น